เว็บไซต์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสบการณ์และความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์
หากคุณกด “Accept” หรือใช้งานเว็บไซต์ของเราต่อ ถือว่าคุณยินยอมให้มีการใช้งานคุกกี้
ประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว นโยบายการใช้คุกกี้
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) โดย ศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีนสิรินธร, สถาบันขงจื่อแห่งมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และ สำนักวิชาจีนวิทยา จัดงาน นิทรรศการแสดงภาพมงคลวันตรุษจีน (Chinese Spring Festival Drawing) โดยได้รับความร่วมมือจาก หอจดหมายเหตุสาธารณรัฐประชาชนจีน (China Archives of Publications) ได้มอบภาพจำนวน 100 ภาพ ซึ่งจำลองมาจากภาพต้นฉบับที่ประเทศจีน เพื่อนำมาจัดแสดงที่ห้องนิทรรศการ ศูนย์จีนฯ มฟล. ระหว่างวันที่ 6-8 กุมภาพันธ์ 2560 เพื่อให้ผู้ที่กำลังศึกษาด้านภาษาจีนและผู้ที่สนใจ ได้เรียนรู้ความเป็นจีนได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพราะการเรียนภาษามิใช่เรียนแค่ตัวอักษร แต่ต้องเข้าใจถึงวัฒนธรรม ความเชื่อ วิถีชีวิต และประวัติศาสตร์ ล้วนเป็นบริบทที่จะทำให้ใช้ภาษาและติดต่อสื่อสาร รวมถึงทำความเข้าใจเกี่ยวกับจีนได้กระจ่างแจ้งมากขึ้น
โดยเฉพาะ มฟล. ที่ได้เปิดหลักสูตรเกี่ยวกับจีนอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การสอนภาษาจีน จีนธุรกิจ แพทย์แผนจีน เป็นต้น จำเป็นต้องเข้าให้ถึงความเป็นจีนอย่างกว้างขวาง และภาพมงคลวันตรุษจีนพร้อมคำบรรยายภาพภาษาจีนเหล่านี้ ก็สามารถสะท้อนวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของจีนอออกมาได้อย่างละเอียดลออ เปรียบเป็นหน้าต่างเปิดสู่แดนมังกรถึง 100 บาน ที่ยังสะท้อนถึงงานศิลปะอันเป็นเอกลักษณ์แบบจีนที่งดงามอีกด้วย
จาง เหลียน ผิง (Zhang Lian Ping)ผู้อำนวยการฝ่ายความร่วมมือระหว่างประเทศประจำหอจดหมายเหตุแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่า ภาพมงคลวันตรุษจีนอันวิจิตรงดงาม 100 ภาพ พร้อมคำบรรยายอย่างละเอียดนี้ แสดงให้เห็นเสน่ห์ในวัฒนธรรมอันเก่าแก่ และอิทธิพลสำคัญของงานศิลปะภาพมงคลตรุษจีนที่มีต่อประวัติศาสตร์จีน รวมทั้งวิถีชีวิตชาวจีน ทำให้ชาวไทยได้เข้าใจวัฒนธรรมจีนผ่านมุมมองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ โดยภาพมงคลเทศกาลตรุษจีน เป็นสมบัติอันล้ำค่าทางศิลปะของชนชาวจีน เป็นวัฒนธรรมพื้นบ้านอันเก่าแก่ ปัจจุบันได้เป็นที่ยอมรับในหมู่คนเชื้อสายจีนทั่วโลก
“หากมองจากแง่มุมการเผยแพร่วัฒนธรรมไปสู่นานาชาติ ภาพมงคลในเทศกาลตรุษจีนเป็นงานศิลปะที่เต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา สามารถเผยแพร่วัฒนธรรมจีนได้อย่างเห็นภาพพจน์เสมือนจริงยิ่งกว่าตัวอักษรจีน ดังนั้นการจัดนิทรรศการ จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งที่ประชาชนชาวไทยและชาวไทยเชื้อสายจีนจะได้เรียนรู้และเข้าใจวัฒนธรรมจีน การเลือกสรรภาพมาจัดแสดงนิทรรศการครั้งนี้ ได้เน้นหัวข้อเกี่ยวกับตำนานพื้นบ้านของจีน และเทคนิคศิลปะแบบดั้งเดิมของจีน โดยมีลายเส้นและสีสันที่มีเอกลักษณ์ เปรียบเป็นบานหน้าต่างที่สะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมในสังคมจีน ทำให้ได้สัมผัสถึงเสน่ห์แห่งยุคสมัยและประวัติศาสตร์อันมีเอกลักษณ์เฉพาะในเนื้อหาของภาพมงคลเทศกาลตรุษจีน เข้าใจประวัติศาสตร์จากแง่มุมของวัฒนธรรมและศิลปะ ค้นหาเส้นทางประวัติศาสตร์การสืบทอดและการสร้างสรรค์ในด้านสังคม ในยุคสมัยที่แตกต่าง ทำผู้ชมเข้าใจความหมายของวัฒนธรรมจีนอันลึกซึ้ง”
ด้าน ผศ.หวง เจี้ยนจวิน ผู้อำนวยการสถาบันขงจื่อแห่งมฟล. (ฝ่ายจีน) กล่าวสรุปว่า ภาพมงคลวันตรุษจีนทั้ง 100 ภาพนี้ สะท้อนความเชื่อของชนชาวจีนมานับตั้งแต่สมัยอดีต โดยคนจีนสมัยก่อนจะให้ความสำคัญของ 2 เรื่องคือ อย่างแรกเรื่องการมีอยู่มีกิน ถ้ามีข้าวกินเขาก็สบายใจ ยกตัวอย่างคือรูปปลา คำว่า ปลา ในภาษาจีนเป็นคำพ้องอีกความหมายว่า มีเหลือทุกปี นั่นหมายถึงมีกินไม่อดอยาก, เรื่องที่สอง เขาอยากให้มีลูกหลานเลี้ยงดูเมื่อแก่ตัวไป เพราะฉะนั้นในภาพที่เห็นได้ว่า เขาให้ความสำคัญกับลูกชาย เพราะว่าลูกสาวเมื่อแต่งงานออกไปก็กลายเป็นคนของครอบครัวอื่น แต่ลูกชายคือคนที่จะเลี้ยงพ่อแม่ตอนแก่
“ใน 100 ภาพนี้สื่อถึงวัฒนธรรมจีน ถ้าเราสามารถเรียนรู้นิทานในแต่ละภาพได้ ก็จะเรียนรู้ถึงวัฒนธรรมจีนในด้านต่างๆ ได้อย่างรอบด้าน เพราะการเรียนภาษาจีน นอกจากการเรียนตัวอักษรแล้ว ยังต้องเรียนรู้วัฒนธรรมด้วย โดยเฉพาะนักศึกษาที่เรียนเกี่ยวกับจีน ใน มฟล. ไม่ว่าจะเป็น การสอนภาษจีน แพทย์แผนจีน ก็จะได้เข้าถึงความเป็นจีนออย่างท่องแท้มากขึ้น และต่อไปก็สามารถเป็นทูตวัฒนธรรมของจีนได้ สามารถถ่ายทอดความรู้เหล่านี้ไปยังคนอื่นๆ รวมถึงนักศึกษารุ่นต่อไป เพราะภาพทุกภาพที่นำมาจัดแสดงนี้ เป็นภาพจำลองที่ทางหอจดหมายเหตุแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้มอบให้มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เพื่อเก็บไว้เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้วัฒนธรรมจีน นอกจากนักศึกษา มฟล.แล้ว ศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีนสิรินธรยังมีโอกาสต้อนรับคณะศึกษาดูงานจากหน่วยงาน มหาวิทยาลัย และโรงเรียนต่างๆ จากทั่วประเทศด้วย ดังนั้น นักศึกษาของ มฟล. ที่ได้เรียนรู้และเข้าใจความหมายของแต่ละภาพแล้ว ก็จะได้นำความรู้ไปถ่ายทอดได้ ถือว่าเป็นการบรรลุเป้าหมายของการจัดนิทรรศการในครั้งนี้”