คณะผู้แทนไทยนำโดย นางสาวศศิริทธิ์ ตันกุลรัตน์ อธิบดีกรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา พร้อมด้วยผู้แทนจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงนิวเดลี และสถาบันการศึกษาไทย 12 แห่ง เดินทางเยือนรัฐอัสสัมและรัฐเมฆาลัย ประเทศอินเดีย ระหว่างวันที่ 22-28 กันยายน 2567 เพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านการศึกษาระหว่างไทยกับสถาบันการศึกษาในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย โดยศาสตราจารย์ ดร.สุจิตรา วงศ์เกษมจิตต์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล) และ ดร.นิชานท์ สิงหพุทธางกูร รักษาการหัวหน้าส่วนพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ร่วมเดินทางด้วย
.
ในการเยือนครั้งนี้ คณะผู้แทนไทยได้พบหารือกับผู้บริหารระดับสูงของทั้งสองรัฐอาทิ Dr. B. Kalyan Chakravarthy, Principal Secretary of Skill, Employment, and Entrepreneurship of Assam and high-level representatives of the Ministry of Education of Assam and the Act East Policy Affairs Department of Assam; Shri. Conrad K Sangma, Hon'ble Chief Minister of Meghalaya; Shri. Rakkam A. Sangma, Hon'ble Education Minister of Meghalaya; and Chandrashekhar H. Vijayashankar, Governor of Meghalaya.โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษา โดยเฉพาะในสาขาการท่องเที่ยว การพัฒนาทักษะของเยาวชนและผู้ประกอบการ รวมถึงความร่วมมือทางวิชาการด้านสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ ภาษาศาสตร์ วัฒนธรรม และเทคโนโลยีสารสนเทศ
.
นอกจากนี้ คณะผู้แทนยังได้เยี่ยมชมสถาบันการศึกษาและฝึกอบรมชั้นนำในรัฐอัสสัมและรัฐเมฆาลัย เช่น Gauhati University, Indian Institute of Technology Guwahati (IIT), Biotech Park, and the Institute of Hotel Management, Catering Technology and Applied Nutrition (Guwahati) เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือในอนาคต อาทิ โครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาและอาจารย์ หลักสูตรปริญญาร่วม โครงการวิจัยร่วม และหลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้น
.
การเยือนครั้งนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระยะยาวระหว่างมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงกับสถาบันการศึกษาในรัฐอัสสัมและรัฐเมฆาลัย โดยเฉพาะในด้านการแปรรูปชา สมุนไพร อาหาร และผลไม้ การจัดการธุรกิจโรงแรม การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และวิทยาศาสตร์
.
ทั้งยังถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านการศึกษาระหว่างไทยกับภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศในอนาคต
