มฟล. ร่วมจัดเสวนา “ศาลากลางเชียงรายหลากหลายเรื่องเล่า” ในโครงการการจัดมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023

หมวดหมู่ข่าว: ข่าวเด่น

เมื่อวันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2566 ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังเก่า คณะทำงานโครงการการจัดมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) ประกอบด้วย สำนักวิชาศิลปศาสตร์ ศูนย์บริการวิชาการ และพิพิธภัณฑ์อารยธรรมลุ่มน้ำโขง ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดการเสวนาเรื่อง “ศาลากลางเชียงรายหลากหลายเรื่องเล่า” ซึ่งเป็นกิจกรรมทางการศึกษาภายใต้โครงการดังกล่าว โดยได้รับเกียรติจาก นายญาณาฤทธิ์ หนสมสุข รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายเป็นประธานเปิดกิจกรรม และผู้ร่วมวงเสวนาประกอบด้วย

  1. อาจารย์นคร พงษ์น้อย ผู้อำนวยการอุทยานศิลปวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง
  2. นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย
  3. นายศุภชัย สิทธิเลิศ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์โฮงหลวงแสงแก้ว
  4. นายฐิติวัชร ไลศิริพันธุ์ ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักการศึกษาและวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  5. อาจารย์อภิชิต ศิริชัย นักวิชาการอิสระ
  6. นางสาวกฤติยา กาวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023
    และดำเนินรายการโดย รศ.ดร.พลวัฒ ประพัฒน์ทอง  หัวหน้าพิพิธภัณฑ์อารยธรรมลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

กิจกรรมการศึกษาในครั้งนี้ มีผู้ที่สนใจจำนวน 120 คน เข้าร่วมรับฟังของข้อมูลสำคัญของ ศาลากลางหลังแรก อันเป็นสัญลักษณ์ของความก้าวหน้าในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ที่ตะวันตกมาบรรจบกับเชียงราย

รศ.ดร.พลวัฒ กล่าวว่า ศาลากลาง จ.เชียงราย (หลังเก่า) เป็นสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นในช่วงคริสศตวรรษที่ 19 โดยมีความทันสมัยของโลกตะวันตกที่อยู่ตรงศูนย์กลางของเมือง และเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 ซึ่งพระองค์เคยเสด็จพระราชดำเนินในงานเบียนนาเลที่ประเทศอิตาลีถึง 2 ครั้งด้วย จึงถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีมากที่ได้การจัดเสวนา ณ สถานที่แห่งนี้

อาจารย์อภิชิต กล่าวว่า ในอดีตเชียงรายขึ้นกับสยามภายใต้การปกครองของเชียงใหม่อีกชั้นหึ่ง กระทั่งมีพัฒนาการจนได้รับการยกฐานะเป็นจังหวัดเมื่อปี 2458 ดังนั้นการที่มีข้อความเขียนตรงอาคารศาลากลาง จ.เชียงราย (หลังเก่า) ว่าปี 2443 ตนจึงเห็นว่าขัดแย้งเพราะตอนนั้นยังเป็นจังหวัดพายัพเหนือและขึ้นกับเชียงใหม่อยู่ ส่วนปี 2443 เป็นปีแรกที่นายแพทย์วิลเลี่ยม เอ.บริกส์ แพทย์ชาวอเมริกัน มาถึงเชียงราย จึงเชื่อว่ายังไม่มีอาคารหลักนี้แน่นอน ส่วนหลักฐานที่พบคือปี 2445 เจ้าหน้าที่ตรวจราชการแผ่นดินจากส่วนกลางเข้าไปตรวจพื้นที่และเข้าพบข้าหลวงและเจ้าเมืองจนพบว่าที่ทำการเดิมของผู้บริหารเมืองเชียงรายทรุดโทรม จึงจะสร้างสถานที่แห่งใหม่แต่มีไม้ไม่เพียงพอจึงแสดงว่าปี 2443 ต่อมาปี 2453 จะมีการสร้างโรงพยาบาลโอเวอร์บรุ๊คในเชียงรายก็ได้แจ้งไปยังสหรัฐอเมริกาว่าในเชียงรายยังไม่มีอาคารใดใหญ่โตเลย จนถึงปี 2457 ก็มีหลักฐานจากชาวต่างชาติว่ายังไม่มีการก่อสร้าง กระนั้นมีศาลากลางจังหวัดที่เหมือนกันหรือเป็นคู่แฝดที่ จ.นครพนม ตนจึงสันนิฐานว่าที่ จ.เชียงราย สร้างพร้อมกันในปี 2458 แต่ก็ยังเกิน 100 ปี กระนั้นก็เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะตรวจว่าสร้างเมื่อไหร่ต่อไป ส่วนในอนาคตตนเห็นว่าควรพัฒนาให้เป็นพิพิธภัณฑ์เมืองและหอจดหมายเหตุ เพราะปัจจุบันการหาข้อมูลประวัติศาสตร์ทำได้ยากเพราะทุกวันนี้หากจะหาต้องเดินทางไปที่กรุงเทพฯ และหาได้ยากอีกด้วย นอกจากนี้สามารถเป็นสถานที่เก็บรวมรวมโบราณวัตถุหลักฐานต่างๆ ได้อีกด้วย

น.ส.กฤติยา กล่าวว่า ถึงแม้จะมีข้อถกเถียงว่าศาลากลาง จ.เชียงราย (หลังเก่า) สร้างขึ้นเมื่อปีใด แต่ก็สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่  6 โดยมีความทันสมัยแตกต่างจากในอดีต รวมทั้งมีอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 ด้วย จึงกลายเป็นหมุดหมายสำคัญของ จ.เชียงราย ได้ต่อไป

นายพิสันต์ กล่าวว่า อาคารศาลากลาง จ.เชียงราย (หลังเก่า) ผ่านการใช้งานมาอย่างยาวนานและเคยใช้ถวายการรับใช้รัชกาลที่ 6 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง กระทั่งปี 2545 มีการขยายกระทรวงเป็น 20 กระทรวง ก็ได้เป็นสำนักงานวัฒนธรรม จ.เชียงราย แห่งแรกโดยใช้อาคารชั้น 1-2 เป็นสำนักงาน ต่อมาเมื่อย้ายไปอยู่ที่อื่นทาง อบจ.เชียงราย ได้ขอใช้พื้นที่และพัฒนาจนสามารถใช้จัดกิจกรรมต่างๆ ปัจจุบันเหลืออาคารลักษณะนี้ในประเทศไทยเพียง 2 หลังคือที่ จ.เชียงราย และ จ.นครพนม เท่านั้น

นอกจากนี้ มฟล. ยังมีกำหนดจัดกิจกรรมการเสวนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง "สิ่งอันตรธานที่ต้องประสงค์" ในวันเสาร์และอาทิตย์ที่ 25 - 26 พฤศจิกายน 2566 ณ ร้านเรียวกังคาเฟ่ กิจกรรมการเสวนา เรื่อง "ความลับของเชียงแสน" ในวันอาทิตย์ที่ 10  ธันวาคม 2566 ณ อำเภอเชียงแสน  และกิจกรรมการเสวนา เรื่อง "ทุกพื้นที่มีความโซเมีย" ในวันเสาร์ที่ 16 ธันวาคม 2566 ณ บ้านสิงหไคล อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย 

 

  • 614 ครั้ง
  • #ศูนย์บริการวิชาการ #สำนักวิชาศิลปศาสตร์ #พิพิธภัณฑ์อารยธรรมลุ่มน้ำโขง